บ้านหมา บ้านสุนัข รับสร้างบ้านหมา สุนัข บ้านแมว-Doghouse

 ในขณะที่คนไทยนิยมซื้อกระต่ายมาเลี้ยงต้อนรับปีเถาะ ด้วยความเชื่อที่ว่ากระต่ายเป็นสัตว์นำโชคที่จะนำพาสิ่งดี ๆ มาให้ผู้เลี้ยงตลอดปีนี้ที่เวียดนามเองก็ไม่น้อยหน้า สำหรับปีนี้ที่เป็นปีแมวของเวียดนาม แมวก็กลายเป็นสัตว์ยอดนิยมของชาวเวียดนามที่ถือว่าจะนำโชคดีมาให้ตลอดปีเช่นกัน แต่แตกต่างกันที่ชาวเวียดนามเขาไม่ได้เอาแมวมาเลี้ยงเหมือนกับกระต่ายบ้านเรานะจ๊ะ ที่บอกว่าเป็นสัตว์ยอดนิยมนั้นหมายถึงนิยมนำมาทำอาหารรับประทานกันต่างหาก

          โดยเฉพาะในจังหวัดถายบิ่ง ทางตอนเหนือของเวียดนาม ดูเหมือนจะเป็นพื้นที่ที่นิยมการนำแมวมาทำอาหารมากกว่าพื้นที่อื่น ๆ เมนูต้มซุปแมว เนื้อแมวทอด เนื้อแมวย่าง และลูกชิ้นแมว กลายเป็นอาหารเลิศรสที่เจ้าของร้านอาหารหลายร้านภูมิใจนำเสนอแก่แขกที่มารับประทานอาหารในร้าน แม้ว่าทางจังหวัดจะมีการประกาศสั่งห้ามขายและฆ่าแมวก็ตาม แต่ก็ไม่ได้ทำให้เจ้าของร้านหยุดเสิร์ฟเมนูแมวแต่อย่างไร เพียงแต่ตัดปัญหาง่าย ๆ ด้วยการไม่ติดป้ายโฆษณาเมนูแมวไว้หน้าร้านเท่านั้น

          สำหรับ วิธีการนำแมวมาประกอบอาหารนั้น พ่อครัวจะเลือกฆ่าแมวด้วยวิธีการนำพวกมันไปถ่วงน้ำให้ขาดใจตาย แทนการตีหรือเชือดคอเหมือนกับฆ่าหมู เพราะจะทำให้แมวกลัวและเกร็ง จนถุงน้ำดีแตก และนั่นทำให้เนื้อแมวเสียรสชาติ ไม่เอร็ดอร่อยเอาเสียเลย จากนั้นพ่อครัวก็จะนำแมวมาผ่าท้องและแล่เนื้อ โดยส่วนที่นิยมนำมาประกอบอาหารมากที่สุด ได้แก่ กระเพาะ ลำไส้ และเนื้อส่วนสะโพกของแมว ซึ่งถือว่าเป็นส่วนที่อร่อยที่สุด และเป็นยาอายุวัฒนะ ให้พลังงานสูง ทำให้ร่างกายอบอุ่นในช่วงฤดูหนาวของเวียดนามที่กำลังหนาวติดลบอยู่ในขณะนี้ แต่หากเป็นเมนูแมวย่าง พ่อครัวจะควักเครื่องในออกทั้งหมด แล้วนำไปย่างบนไฟอ่อน ๆ ให้เนื้อแมวค่อย ๆ สุกกลายเป็นสีน้ำตาล จากนั้นก็เสิร์ฟพร้อมกับน้ำจิ้มสูตรเฉพาะ

          ส่วนราคาเมนูแมวนี้ จะแตกต่างกันออกไป ขึ้นอยู่กับว่า แมวนั้นเป็นแมวลักษณะแบบไหน และมาจากที่ไหน โดยเนื้อแมวดำจะมีราคาแพงที่สุดเพราะเชื่อว่ามีรสอร่อยที่สุด อาจมีราคาถึงตัวละ 15,000 บาทเลยทีเดียว ส่วนเนื้อแมวสดทั่วไปนั้น ขายกันในราคากิโลกรัมละ 100 บาท (แมวบ้าน 1 ตัว มีน้ำหนักประมาณ 4-5 กิโลกรัม) และหากเป็นแมวนำเข้าจากจีนก็จะมีราคาถูกลงไปอีก เนื่องจากไม่อร่อยเท่ากับเนื้อแมวสดจากเวียดนามเอง

          ทั้งนี้โดยปกติแล้ว ชาวเวียดนามจะกินแมวกันเป็นปกติ ไม่ต่างกับชาวจีนที่มีความเชื่อว่าแมวเป็นเมนูนำโชค แต่ในปีนี้ซึ่งตรงกับปีแมวของเวียดนาม แมวกลายเป็นเมนูเลิศรสที่ใคร ๆ ก็ปรารถนาอยากจะกินมากกว่าปกติ เพราะเชื่อว่าหากได้กินแล้วก็จะช่วยปัดเป่าโชคร้ายออกไป ทำให้แมวกลายเป็นสัตว์ที่เป็นที่ต้องการอย่างมากในตอนเหนือของเวียดนามในขณะ นี้ และหากบ้านไหนเลี้ยงแมว แต่ไม่ดูแลแมวของตัวเองดี ๆ ก็จะเกิดกรณีแมวหายได้อย่างง่ายดาย เรียกได้ว่าถ้าหากแมวตัวไหนถูกปล่อยให้มาเดินเพ่นพ่านในที่สาธารณะ ก็จะถูกจับไปในกรงขังไว้ เพื่อรอวันแปรสภาพกลายเป็นเมนูแมวในที่สุด

          ขณะ เดียวกัน ก่อนหน้านี้เมื่อประมาณกลางปีที่แล้ว องค์กรพิทักษ์สัตว์ในประเทศจีนได้เคยแฉพฤติกรรมสุดโหดร้ายของนายหน้าค้าแมว ที่ขโมยแมวไปขายให้ภัตตาคารต่าง ๆ ในมณฑลกวางตุ้ง ที่แสดงให้เห็นว่าแมวกว่าร้อยตัวถูกขังไว้ในกรงแคบ ๆ และได้รับการปฏิบัติอย่างโหดร้าย ซึ่งทางองค์กรพิทักษ์สัตว์ในนครเซี่ยงไฮ้ก็สามารถช่วยชีวิตแมวเคราะห์ร้าย เหล่านั้นออกมาได้กว่า 300 ตัว และส่งพวกมันคืนเจ้าของได้ในที่สุด แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้นายหน้าค้าแมวหยุดล่าแมวแต่อย่างไร ทุกวันนี้ก็ยังคงมีเมนูแมวขายในภัตตาคารจีนกันตามปกติ อีกทั้งยังเป็นเมนูแนะนำอีกด้วย

          เมื่อ 3 พฤษภาคม เว็บไซต์ออเรนจ์นิวส์ รายงานว่า มีคู่หูสัตว์เลี้ยงสุดแปลก "สุนัขและห่าน" ที่หมู่บ้านจิ้วเจียหวัน เขตปกครองตนเองซินเจียงอุยกูร์ ทางฝั่งตะวันตกเฉียงเหนือของประเทศจีน เนื่องจากไม่มีใครเคยคิดว่ามันจะอยู่ด้วยกันได้ เพราะจากสัญชาตญาณของสุนัข มันจะต้องเห่าหรือกัดเจ้าห่านไปแล้ว แต่ทั้งนี้หลังจากที่สุนัขเคยช่วยชีวิตห่านตอนที่ถูกรถชน มันก็กลายเป็นเพื่อนคู่ซี้ตัวติดกันอย่างไม่น่าเชื่อ

          โดยหยู ยันผิง เจ้าของสุนัขและห่าน วัย 47 ปี กล่าวว่า ตอนแรกตกใจที่เห็นสุนัขคาบห่านเข้ามา คิดว่าสุนัขจะกินห่าน แต่มันกลับวางและเลียห่าน ส่วนเจ้าห่านนั้นดูงงงวย ก่อนจะลุกเดินสำรวจรอบ ๆ
          หลังจากนั้นพวกมันก็กลายเป็นเพื่อนซี้กัน อยู่ด้วยกันตลอดเวลา โดยเจ้าของกล่าวว่า มันกินข้าวชามเดียวกัน นอนด้วยกัน ถ้าห่านร้อง สุนัขก็จะหอนตาม เป็นคู่หูกันขโมยที่ดีมาก บางครั้งสุนัขก็เลียอาหารจากปากห่านด้วยเช่นกัน แม้มันจะเป็นคู่ที่แปลกอยู่สักหน่อย แต่มันก็รักกันดี

เป็นเรื่องราวของสุนัขที่รับใช้ชาติแล้วถึงเวลาหนึ่งก็ต้องมีการปลดระวาง พวกเขาไม่มีคนดูแล มีแค่ข้าวปลาอาหารเพื่อประทังชีวิต ใครพอจะช่วยพวกเขาได้ช่วยกันหน่อยนะคะ แค่เพียงบอกต่อๆ กันไปก็เป็นการช่วยที่ดีอย่างนึงแล้วล่ะค่ะ….บทความนี้เป็นเรื่องราวที่มีการส่งต่อๆ กันมา ซึ่งผู้เขียนเรื่องราวนี้คือ คุณประทานพร สิงหะ ขอบคุณคุณประทานพร สิงหะ มากนะคะที่ช่วยส่งต่อเรื่องราวดีดีแบบนี้……ลองอ่านกันดูนะคะ

วองโซ ผู้โชคดี

    เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 21 มีนาคม ผู้สื่อข่าวเดินทางไปยังบ้านเลขที่ 24 หมู่ 5 ต.บางหัวเสือ อ.พระประแดง จ.สมุทรปราการ ตามที่ได้รับแจ้งมีแมวเพศเมียนำลูกหนูมาเลี้ยง โดยให้ดูดน้ำนมจากเต้าร่วมกับลูกแมวที่เพิ่งคลอดมาตั้งแต่วันที่ 1 มีนาคม ปรากฏว่าพบ น.ส.สมพงษ์ กู่เจริญ อายุ 50 ปี เจ้าของบ้านพาไปดูแม่แมว อายุประมาณ 2 ปี กำลังนอนให้น้ำนมลูกแมวที่เพิ่งคลอดอยู่ในโอ่งลายมังกร แต่ที่น่าทึ่งคือมีลูกหนูอายุประมาณ 1 สัปดาห์ นอนเคียงข้างดูดนมแม่แมวอยู่ด้วย โดยมีชาวบ้านที่ทราบข่าวแห่มาดูจำนวนมาก
 น.ส.สมพงษ์เปิดเผยว่า แม่แมวตัวนี้ชื่อว่า "น้องเหมียว" มีอายุได้ประมาณ 2 ปี โดยขอมาจากร้านขายของชำเพื่อนบ้าน นำมาเลี้ยงไว้ตั้งแต่เพิ่งคลอด ต่อมาวันที่ 1 มีนาคมที่ผานมา แมวตั้งท้องและคลอดลูกออกมา 3 ตัว มีเพื่อนบ้านมาขอลูกแมวเพื่อนำไปเลี้ยง 2 ตัว ตนและสามีจึงนำโอ่งลายมังกรที่ชำรุดมาเป็นที่สำหรับให้น้องเหมียวเลี้ยงลูก 
 "กระทั่งเมื่อ 1 สัปดาห์ก่อนหน้า เห็นเจ้าเหมียวไปคาบลูกหนูสภาพตัวยังแดงๆ อยู่มาให้ลูกแมวกิน  แต่ลูกแมวกลับไม่กิน ปล่อยให้ลูกหนูนอนอยู่ร่วมกันในโอ่ง และยอมให้ลูกหนูดูดน้ำนมร่วมกับลูกแมว จึงเห็นเป็นเรื่องแปลก และไปเล่าให้ชาวบ้านฟังและแห่กันมาดู" น.ส.สมพงษ์กล่าว 

    เมื่อวันที่ 22 มีนาคม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กรณีแม่แมวนำลูกหนูมาเลี้ยงที่บ้านเลขที่ 24 หมู่ 5 ชุมชนสะพานเขียว 5 ต.บางหัวเสือ อ.พระประแดง จ.สมุทรปราการ จนเป็นที่ฮือฮาถึงความแปลกพิสดารของสัตว์ต่างเผ่าพันธุ์นั้น ล่าสุด ลูกหนูตายลงแล้ว โดย น.ส.สมพงษ์ กู๋เจริญ เจ้าของบ้าน กล่าวว่า ลูกหนูเพิ่งตายไปเมื่อค่ำวันที่ 21 มีนาคม เหตุเกิดขณะนั่งดูโทรทัศน์ได้ยินเสียงแมวร้องเสียงดังหลายครั้ง จึงลุกไปดูพบลูกหนูนอนแน่นิ่ง ขณะที่แม่แมวใช้ลิ้นเลียลูกหนู
"ตรวจดูตัวหนูแต่ไม่พบบาดแผลใดในตัวหนู จึงสันนิษฐานการตายของลูกหนูน่าจะเกิดจากลูกหนูดูดนมแม่แมวโดยไม่ยอมปล่อย จนแม่แมวกระโดดออกจากโอ่งทำให้หัวหนูไปกระแทกขอบโอ่งและตายในที่สุด โดยก่อนหน้าเคยเห็นแม่แมวกระโดดออกจากโอ่งโดยมีลูกหนูดูดนมติดคาอยู่ที่อกออกมาด้วย และมาหลุดลงที่พื้นมาแล้วแต่ครั้งนั้นไม่เป็นอะไรมาก "น.ส.สมพงษ์กล่าว

         ด้วยภัยธรรมชาติที่กำลังรุกรานมนุษย์อยู่ในขณะนี้ ทำให้หลาย ๆ ประเทศคิดหาเครื่องมือและมาตรการมาเตรียมรับมือภัยธรรมชาติที่อาจมาถึง ประเทศของตนเองแบบไม่ได้รู้ตัว โดยการตั้งศูนย์เตือนภัยของตนเองขึ้นมา แต่สำหรับเกาหลีเหนือกับเลือกวิธีง่าย ๆ ด้วยใช้สัตว์เลี้ยงเป็นสัญญาณบอกเหตุภัยพิบัติแทน
         โดย หนังสือพิมพ์โรดอง ชิมบุน ของเกาหลีเหนือ ได้รายงานว่า ทางการเกาหลีได้แนะนำให้ประชาชนในประเทศ ใช้สัตว์เลี้ยงของตนเองเป็นระบบเตือนภัยแผ่นดินไหวเบื้องต้น ด้วยการคอยสังเกตพฤติกรรมของสัตว์เลี้ยงว่า มีพฤติกรรมอะไรที่ผิดปรกติไปจากเดิมหรือไม่ อาทิ การที่สุนัขเกิดเห่าไม่หยุด ,วัวไม่ยอมกินอาหาร และม้ามีอาการดื้อพยายามจะออกจากคอกอยู่ตลอดเวลา ซึ่งพฤติกรรมผิดปรกติเหล่านี้ สามารถใช้เป็นสัญญาณเตือนว่า กำลังจะเกิดภัยพิบัติได้
         เนื่องจากสัตว์เหล่านี้ มีประสาทสัมผัสที่ 6 จึงทำให้พวกมันรู้ล่วงหน้าว่าแผ่นดินกำลังจะเขย่าไหว ดังจะเห็นได้จาก การเกิดสึนามึถล่มแปซิฟิก เมื่อปี 2004 ที่ก่อนเกิดเหตุการณ์ดังกล่าว จะเห็นว่ามีสัตว์หลายพันธุ์มีพฤติกรรมที่แปลกจากเดิม และพวกมันก็พยายามหาที่หลับภัยเพื่อหนีภัยพิบัติธรรมชาติ

     พบหมานับพันตัวกระจายอยู่ทั่วพื้นที่ตำบลบางเสาธง ขุดดินทำเป็นโพรงที่อยู่อาศัย ออกลูกหลานมากมาย

ชาวบ้านเรียก "หมารู” ขโมยปลาและผลไม้กินประทังชีวิต นายก อบต.เร่งประสานหน่วยงานเกี่ยวข้องแก้ปัญหา

หวั่นประชากรหมารูล้น

มีโอกาสได้อ่านบล็อคที่เกี่ยวกับน้องหมาน่ารักๆ เยอะมากมาย

แต่มีเรื่องนี้ที่สะดุดในความน่ารักของเจ้าดิ๊ก หมาพันธุ์ผสม ของคุณดุสดี

เลยขออนุญาตินำความน่ารักๆ ของเจ้าหมาพันธุ์ผสมตัวนี้มาเล่าสู่กันฟัง